เสียงเป็นคลื่นตามยาว เกิดจากการสั่นของวัตถุ มนุษย์ได้ยินเสียงใน คลื่นความถี่ 20-20,000 Hz เสียงที่ต่ำกว่า 20 Hz เรียกว่า เสียง อินฟราโซนิก และเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20,000 Hz เรียกว่า เสียง อุลตราโซนิก เรารับฟังไม่ได้ ความเร็วเสียงแปรผันตรงอุณหภูมิ ตามสมการ Vt = 331+0.6t เมื่อ t เป็นอุณหภูมิ ที่ความเร็ว 0 oC เสียงจะมี ความเร็ว 331 m/s การหักเหของเสียง เสียงจะหักเหขึ้นในตอนกลางวัน หรือตอนฝนใกล้ตก และจะ หักเหลงเวลากลางคืนการแทรกสอดของเสียง ถ้าเสียง 2 เสียง มีความถี่เท่ากัน อยู่บางตำแหน่งจะได้ยิน เสียงดัง (เกิดการแทรกสอดแบบเสริมกัน) บางตำแหน่งจะได้ยินค่อย ( การแทรกสอดแบบหักล้างกัน) ถ้าเสียงทั้งสองมีความถี่ต่างกันเล็กน้อย ไม่ว่าจะอยู่ตรง ตำแหน่งใด จะได้ยินเสียงดังค่อย ดังค่อย เป็นจังหวะต่อเนื่อง เรียกว่า บีตส์ (Beats) จำนวนบีตส์ที่เกิดขึ้นใน 1 หน่วยเวลา จะเท่ากับจำนวน ครั้งที่เราได้ยินเสียงดังหรือเสียงค่อยใน 1 หน่วยเวลา เราเรียกว่า beat frequency มีค่าเท่ากับผลต่างของความถี่ของคลื่นเสียงทั้งสอง (If1-f2I) เราได้ยินเสียง ทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นแหล่งกำเนิดเสียงเลยความดังของเสียง ความดังของเสียงขึ้นกับความเข้มของเสียง ถ้าความเข้มสูง ความดังมาก ถ้าความเข้มต่ำ ความดันจะต่ำ สูตรการเลี้ยวเบนของเสียง เกิดขึ้นเมื่อสิ่งกีดขวางที่ลักษณะเป็นมุม เป็นช่องเล็ก จะทำให้ เสียง
ระดับของเสียง ระดับของเสียงจะแปรผันกับความถี่ของเสียง เสียงที่มีความถี่มาก ระดับเสียงจะสูงคุณภาพของเสียง เป็นสมบัติเฉพาะของเสียงที่มาจากวัตถุแต่ละประเภทที่ก่อให้เกิด เสียง ขึ้นอยู่กับ overtone ที่เกิดขึ้นและแสดงออกมาอย่างเด่นชัด การกำ ทอนหรือการสั่นพ้องของเสียง คือปรากฎการณ์การสั่นของวัตถุที่มีความถี่ของการสั่นเท่ากับความ ถี่ธรรมชาติ จะทำให้วัตถุนั้นมีการสั่นที่รุนแรงที่สุด การปรับเสียงลำโพง ถ้า ปรับความถี่ของลำโพงไปตรงกับความถี่ธรรมชาติของลำอากาศจะทำให้ ลำอากาศในหลอดสั่นรุนแรง จึงทำให้เกิดเสียงดังที่สุด เสียงเคาะแก้ว ขณะที่เกิดการสั่นพ้องในท่อหรือหลอดทดลอง 1. การเคลื่อนที่ของเสียงในท่อจะมีการแทรกสอดระหว่างคลื่นเสียงจากลำ โพงและเสียงที่สะท้อน 2. ระยะห่างระหว่างตำแหน่งที่ได้ยินเสียงดังติดกัน 2 ครั้ง x = l /2 3. ในท่อจะเกิดคลื่นนิ่งขณะที่เกิดการสั่นพ้องของเสียง 4. อนุภาคของอากาศบริเวณปลายเปิดจะสั่นมากที่สุด มีการกระจัดสูงสุด (ปฏิบัพ) 5. อนุภาคของอากาศบริเวณปลายปิดจะสั่นน้อยที่สุด มีการกระจัดเป็นศูนย์ (บัพ) ความถี่มูลฐาน (Fundamental) คือ ความถี่ต่ำสุดของคลื่นนิ่งในหลอดทดลองหรือในเส้นเชือก เครื่องดนตรี จะมีความยาวคลื่นมากที่สุด overtone คือ ความถี่ที่ถัดจากความถี่มูลฐาน ฮาร์โมนิก (Harmonic) คือ ตัวเลขที่บอกว่า ความถี่ขณะนั้นเป็นกี่เท่าของความถี่มูลฐาน ปรากฎการณ์ดอปเปลอร์ (Doppler effect) เป็นปรากฎการณ์ที่ผู้ฟังหรือผู้สังเกต ได้ยินเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียง มีความถี่แตกต่างไปจากความถี่ของเสียงที่มาจากต้นกำเนิดเสียงจริง ๆ ทั้งนี้ เกิดจากการที่ต้นกำเนิดเสียงหรือผู้ฟังเคลื่อนที่ ถ้าผู้สังเกตและแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่เข้าหากัน จะได้ยินเสียงที่มีความ ถี่มากกว่า ถ้าผู้สังเกตและแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ออกจากกัน จะได้ยิน เสียงที่มีความถี่น้อยกว่าความถี่ธรรมชาติ ความถี่ของวัตถุที่สามารถสั่นหรือแกว่งได้อย่างอิสระ เสียงเคาะจาน
คลื่นกระแทก คลื่นที่เกิดขึ้นเมื่อต้นกำเนิดเสียงเคลื่อนที่โดยมีความเร็วมากกว่า ความเร็วของเสียงในอากาศ หน้าคลื่นของคลื่นกระแทกจะมีลักษณะเป็น รูปกรวยกลม
เมื่อ q เป็นมุมที่เกิดขึ้นระหว่างคลื่นกระแทกกับแนวที่ต้นกำเนิดเสียง เคลื่อนที่ ผลของคลื่นกระแทกจะก่อให้เกิดเสียงดัง เรียกว่า sonic boom | |||||||||||||||||||||||||||
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554
เสียง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)


เรื่องเสียงสามารถอธิบายด้วยภาพเคลื่อนไหวได้ จะทำให้มีความเข้าใจได้มากและเร็วขึ้นนะคะ ข้อควรคำนึง
ตอบลบ1. ภาพประกอบน้อยทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
2. การจัดรูปแบบดูไม่สบายตา
3. สมการที่นำเสนอมีรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง และต้องมีตัวอย่างการคำนวณด้วยนะคะ
หมวยๆ วามาทักทายเน้อ 555+
ตอบลบงานก็okแล้วนะ อย่าลืมแก้ไขตามที่ครูบอกด้วยหล่ะ
^^~
ดีค่ะ สุดยอด ^^
ตอบลบหวัดดีนะจ๊ะ หมวย
ตอบลบงานถ้าไม่มี sj จะสวยมากเนื่อหาดี